ถังกรองทราย Jesta: รีวิว, ดีไหม? (คู่มือเลือกซื้อ-ดูแลรักษา 2025)

เจาะลึก "ตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด" สำหรับสระว่ายน้ำที่ใสสะอาด

บทที่ 1: ทำไมต้องถังกรองทราย? และทำไมต้องเป็น Jesta?

1.1 ข้อดีของระบบกรองทราย: เรียบง่ายและทนทาน

ระบบกรองทรายเป็นระบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน:

• ใช้งานง่าย: การควบคุมหลักๆ ทำผ่านมัลติพอร์ตวาล์ว (Multiport Valve) ซึ่งมีฟังก์ชันไม่ซับซ้อน
• บำรุงรักษาน้อย: การดูแลหลักคือการ "Backwash" (ล้างย้อน) ซึ่งทำได้ง่ายและรวดเร็ว ไม่ต้องถอดล้างชิ้นส่วนบ่อยๆ
• ทนทาน: สารกรองทรายมีอายุการใช้งานยาวนาน 3-5 ปี และตัวถังกรองที่ได้มาตรฐานสามารถใช้งานได้ยาวนานนับ 10 ปี

1.2 จุดเด่นที่ทำให้ Jesta แตกต่าง (The Jesta Advantage)

• วัสดุคุณภาพสูง: ตัวถังของ Jesta ผลิตจากพลาสติก HDPE (High-Density Polyethylene) ที่ขึ้นรูปชิ้นเดียว ไร้รอยต่อ ทนทานต่อแรงดันสูง, การกัดกร่อนของคลอรีน, และรังสี UV ได้เป็นอย่างดี
• มัลติพอร์ตวาล์วที่ใช้งานง่าย: มาพร้อมมัลติพอร์ตวาล์วแบบ 6 ฟังก์ชัน ที่มีมือจับแข็งแรงและใช้งานได้สะดวก พร้อมเกจวัดความดันที่อ่านค่าง่าย
• ครบชุดพร้อมใช้งาน: โดยส่วนใหญ่ถังกรอง Jesta จะมาพร้อมกับฐานรองและอุปกรณ์ข้อต่อที่จำเป็น ทำให้การติดตั้งทำได้สะดวกและรวดเร็ว

บทที่ 2: การเลือกขนาดถังกรองทราย Jesta ให้เหมาะกับสระของคุณ

นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะการเลือกขนาดถังกรองที่ถูกต้องจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการกรองโดยตรง

ขนาดถังกรอง Jesta ที่แนะนำสำหรับสระขนาดต่างๆ

โดยทั่วไป ถังกรองทราย Jesta จะระบุขนาดเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางของถัง (หน่วยเป็นนิ้ว):

• Jesta 16" - 18":
  เหมาะสำหรับสระขนาดเล็ก หรือสระเหนือพื้น (Above-ground pools) ที่มีปริมาตรน้ำไม่เกิน 30-40 คิว ควรใช้คู่กับปั๊มขนาด 0.5 - 0.75 แรงม้า
• Jesta 20" - 24":
  เป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับสระในบ้านมาตรฐาน เหมาะสำหรับสระที่มีปริมาตรน้ำ 40-70 คิว ควรใช้คู่กับปั๊มขนาด 1.0 - 1.5 แรงม้า
• Jesta 25" - 28" ขึ้นไป:
  สำหรับสระในบ้านขนาดใหญ่ หรือสระกึ่งพาณิชย์ที่มีปริมาตรน้ำ 70-100+ คิว ควรใช้คู่กับปั๊มขนาด 2.0 แรงม้าขึ้นไป

บทที่ 3: คู่มือการใช้งานและดูแลรักษาฉบับสมบูรณ์

การเลือกสารกรอง

เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด แนะนำให้อัปเกรดจากทรายกรองธรรมดาไปใช้ "สารกรองแก้ว" (Glass Media) ซึ่งจะช่วยให้กรองได้ละเอียดขึ้นมาก ทำให้น้ำใสกว่า, ประหยัดน้ำตอน Backwash, และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเกือบเท่าตัว

วิธีการ Backwash (ล้างย้อน) ที่ถูกต้อง

ควรทำการ Backwash เมื่อเกจวัดความดัน (Pressure Gauge) บนวาล์วแสดงค่าสูงขึ้นกว่าปกติประมาณ 0.5 - 1.0 Bar หรือทำเป็นประจำทุกๆ 1-2 เดือน

1. ปิดปั๊มสระว่ายน้ำทุกครั้งก่อนเปลี่ยนตำแหน่งวาล์ว
2. กดมือจับวาล์วลงแล้วหมุนไปที่ตำแหน่ง BACKWASH
3. เปิดปั๊ม ปล่อยให้น้ำล้างย้อนสิ่งสกปรกทิ้งประมาณ 2-3 นาที หรือจนกว่าน้ำในกระเปาะแก้วใส (Sight Glass) จะใส
4. ปิดปั๊มสระว่ายน้ำ
5. กดมือจับวาล์วลงแล้วหมุนไปที่ตำแหน่ง RINSE
6. เปิดปั๊ม ประมาณ 20-30 วินาที เพื่อจัดเรียงหน้าทราย
7. ปิดปั๊มสระว่ายน้ำ
8. กดมือจับวาล์วลงแล้วหมุนกลับไปที่ตำแหน่ง FILTER
9. เปิดปั๊มเพื่อเริ่มการทำงานในโหมดกรองปกติ

การดูแลรักษาระยะยาว

ควรทำการเปลี่ยนสารกรองทรายทุกๆ 3-5 ปี หรือสารกรองแก้วทุกๆ 8-10 ปี เพื่อรักษาประสิทธิภาพการกรองที่ดีที่สุด และควรตรวจสอบสภาพของท่อแกนกลาง (Laterals) ภายในถังทุกครั้งที่ทำการเปลี่ยนสารกรอง