Home บทความ ถังกรองทราย Hayward: คู่มือเลือกซื้อ, รีวิว ProSeries (2025)

ถังกรองทราย Hayward: คู่มือเลือกซื้อ, รีวิว ProSeries (2025)

เจาะลึกถังกรองที่มืออาชีพไว้วางใจ เพื่อน้ำใสสะอาดระดับสูงสุด

ในวงการอุปกรณ์สระว่ายน้ำระดับโลก เมื่อพูดถึงความทนทาน, ประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้, และวิศวกรรมที่ผ่านการพิสูจน์มานานหลายทศวรรษ ชื่อของ **Hayward®** จากประเทศสหรัฐอเมริกา คือมาตรฐานที่ช่างเทคนิคและผู้รับเหมามืออาชีพให้การยอมรับเป็นอันดับหนึ่ง และหัวใจสำคัญของระบบกรองที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์ก็คือ "ถังกรองทราย Hayward" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีรีย์ ProSeries™ ที่โด่งดัง

การเลือกใช้ถังกรองทราย Hayward ไม่ใช่แค่การเลือกซื้ออุปกรณ์ แต่คือการลงทุนในความสบายใจระยะยาว คุณจะได้ระบบกรองที่แข็งแกร่ง, บำรุงรักษาง่าย, และสามารถมอบน้ำที่ใสสะอาดให้คุณได้อย่างสม่ำเสมอ บทความนี้คือคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่จะพาคุณไปเจาะลึกทุกแง่มุมของถังกรองทราย Hayward ตั้งแต่เหตุผลที่ทำให้มันเป็นตัวเลือกของมืออาชีพ, การเปรียบเทียบระหว่างรุ่นวาล์วบนและวาล์วข้าง, ไปจนถึงวิธีเลือกขนาดและดูแลรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่ากำลังตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสระว่ายน้ำของคุณ

บทที่ 1: The Hayward Advantage - ทำไมต้องเลือกถังกรองทราย Hayward?

Hayward ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิต แต่เป็นผู้สร้างมาตรฐานให้กับอุตสาหกรรม และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ถังกรองทรายของพวกเขาโดดเด่น:

ความทนทานที่ไม่มีใครเทียบ (Unmatched Durability): ตัวถังกรอง ProSeries ผลิตจากวัสดุโพลีเมอร์พิเศษที่มีโครงสร้างเป็นชิ้นเดียว (single-piece construction) ทำให้ทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมีและสภาวะอากาศที่รุนแรงได้อย่างสมบูรณ์แบบ สามารถติดตั้งกลางแจ้งได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสนิมหรือการผุกร่อน
ประสิทธิภาพการกรองที่เหนือกว่า (Superior Filtration): ภายในถังประกอบด้วยระบบท่อแกนกลาง (Laterals) ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้สามารถกวาดน้ำได้อย่างทั่วถึง 360 องศา ทำให้ทุกอณูของสารกรองถูกใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังช่วยให้กระบวนการล้างย้อน (Backwash) ทำได้อย่างหมดจด
มัลติพอร์ตวาล์ว Vari-Flo™ อันเป็นเอกลักษณ์: วาล์วควบคุม 7 ตำแหน่งของ Hayward ขึ้นชื่อเรื่องความทนทานและการใช้งานที่ง่ายดาย มือจับขนาดใหญ่ช่วยให้ปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานได้อย่างสะดวก พร้อมเกจวัดความดันที่อ่านค่าง่ายและแม่นยำ
การออกแบบที่คำนึงถึงการบำรุงรักษา: Hayward ออกแบบให้ทุกชิ้นส่วนสามารถเข้าถึงและซ่อมบำรุงได้ง่าย เช่น ตัวล็อกแบบแคลมป์ที่แข็งแรง ช่วยให้การเปิด-ปิดถังเพื่อเปลี่ยนสารกรองทำได้สะดวก (โดยเฉพาะในรุ่นวาล์วข้าง)

บทที่ 2: วาล์วบน (Top Mount) vs วาล์วข้าง (Side Mount) - การตัดสินใจที่สำคัญที่สุด

Hayward ProSeries มีให้เลือกทั้งสองรูปแบบ ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน การเลือกรูปแบบที่ถูกต้องจะส่งผลต่อการติดตั้งและการบำรุงรักษาในระยะยาว

ถังกรองวาล์วบน (Top Mount)

(เช่น รุ่น S220T, S244T)

ข้อดี: ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง เหมาะสำหรับห้องเครื่องที่มีขนาดจำกัด, มีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่า
ข้อเสีย: การบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนสารกรองในอนาคตจะยุ่งยากกว่ามาก เพราะต้องถอดระบบท่อที่ต่อกับวาล์วออกทั้งหมดก่อนจึงจะสามารถเปิดฝาถังได้

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการประหยัดงบประมาณเริ่มต้น

ถังกรองวาล์วข้าง (Side Mount)

(เช่น รุ่น S244S, S310S)

ข้อดี: **บำรุงรักษาง่ายกว่าอย่างมหาศาล** มีฝาปิดขนาดใหญ่อยู่ด้านบน ทำให้การตรวจสอบ, เติม, หรือเปลี่ยนสารกรองทำได้สะดวกและรวดเร็วโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับระบบท่อของวาล์วเลย, มีประสิทธิภาพการไหลเวียนของน้ำดีกว่าเล็กน้อย
ข้อเสีย: ใช้พื้นที่ในการติดตั้งมากกว่า และมีราคาสูงกว่ารุ่นวาล์วบน

เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายสูงสุดในการบำรุงรักษาระยะยาว และมีพื้นที่ห้องเครื่องเพียงพอ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าอย่างชัดเจน

บทที่ 3: การเลือกขนาดถังกรอง Hayward ProSeries

กฎเหล็กของการเลือกขนาดคือ **อัตราการไหลของถังกรอง (Filter Flow Rate) ต้องมากกว่าหรือเท่ากับอัตราการไหลของปั๊ม (Pump Flow Rate)** การเลือกขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ตารางแนะนำขนาดรุ่นยอดนิยม

รหัสรุ่น	เส้นผ่านศูนย์กลาง	ขนาดสระที่แนะนำ (คิว)	ขนาดปั๊มที่เหมาะสม (แรงม้า)
S180T / S210T	18" / 21"	40 - 60	0.75 - 1.0 HP
S220T / S244T	22" / 24"	60 - 95	1.5 - 2.0 HP
S270T / S310S	27" / 31"	95 - 150	2.0 - 3.0 HP

*เป็นเพียงค่าประมาณการเบื้องต้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อการเลือกที่แม่นยำที่สุด

บทที่ 4: การใช้งานและการดูแลรักษา

ขั้นตอนการล้างย้อน (Backwash) ที่ถูกต้อง

ควรทำเมื่อเกจวัดความดันสูงขึ้นกว่าปกติ 0.5 - 1.0 Bar

ปิดปั๊มสระว่ายน้ำทุกครั้งก่อนเปลี่ยนตำแหน่งวาล์ว
กดมือจับวาล์ว Vari-Flo™ ลงแล้วหมุนไปที่ตำแหน่ง BACKWASH
เปิดปั๊ม (น้ำจะไหลออกทางท่อน้ำทิ้ง) ทำขั้นตอนนี้ประมาณ 2-3 นาที หรือจนกว่าน้ำในกระเปาะแก้วใส (Sight Glass) จะใส
ปิดปั๊มสระว่ายน้ำ
กดมือจับวาล์วลงแล้วหมุนไปที่ตำแหน่ง RINSE
เปิดปั๊ม ประมาณ 20-30 วินาที เพื่อจัดเรียงหน้าทราย
ปิดปั๊มสระว่ายน้ำ
กดมือจับวาล์วลงแล้วหมุนกลับไปที่ตำแหน่ง FILTER
เปิดปั๊มเพื่อเริ่มการทำงานในโหมดกรองปกติ

การเลือกสารกรองและการเปลี่ยน

สารกรองทราย (Silica Sand): ควรเลือกใช้ทรายเบอร์ 20 ที่มีความละเอียดเหมาะสม ควรเปลี่ยนทุกๆ 3-5 ปี
สารกรองแก้ว (Glass Media): เป็นการอัปเกรดที่แนะนำอย่างยิ่ง กรองได้ละเอียดกว่า, ประหยัดน้ำตอน Backwash, และมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 8-10 ปี